สั่งลุยจับบารากู่ทั้งในผับ-โอเกะ

ข่าว/กิจกรรม 21 ส.ค. 57 | เข้าชม: 2,179

สรรพสามิตลุยปราบบารากู่ สั่งเจ้าหน้าที่ตรวจสถานบันเทิง ทั่วประเทศที่เปิดให้เสพบารากู่ โดยเฉพาะใกล้มหา'ลัย ชี้เป็นสินค้าต้องห้ามตามพ.ร.บ. ยาสูบ หากตรวจเจอถือว่าผิดกฎหมาย สามารถยึดเตาและตัวยาได้ทันที ระบุโทษสูงสุดถึงขั้นถอนใบอนุญาตสถานบริการ อธิบดีสรรพสามิตเผย'บิ๊กตู่'ห่วงเด็ก-เยาวชนสูบบารากู่ ชี้มีสารทาร์-นิโคตินอันตรายกว่าบุหรี่ 6 เท่า แถมมีกลิ่นผลไม้ หวั่นวัยรุ่น หันมาสูบเพิ่ม จี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการดูแล

เมื่อวันที่ 17 ส.ค. นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงตรวจ สถานบันเทิงทั่วประเทศ ที่เปิดให้บริการผลิตภัณฑ์บารากู่ โดยเฉพาะสถานบันเทิงที่ตั้งอยู่ใกล้บริเวณมหาวิทยาลัย ตามนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เนื่องจากการเปิดให้บริการผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ถูกควบคุมด้วยกฎหมายตามพ.ร.บ.ยาสูบของกรมสรรพสามิต ที่ไม่ได้รับการอนุญาตจำหน่าย จึงเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมายทั้งหมด หากเจ้าหน้าที่ตรวจพบว่ากระทำความผิดก็สามารถยึดเตาและตัวยา โดยสถานบริการอาจได้รับโทษสูงสุดตามกฎหมาย ที่กำหนดไว้ ด้วยการเพิกถอนใบอนุญาตทันที

นายสมชายกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ กรมสรรพสามิตได้ประสานกับกรมศุลกากร และกระทรวงพาณิชย์ เพื่อคุมเข้มไม่ให้นำเข้าเครื่องสูบและผลิตภัณฑ์บารากู่โดยเด็ดขาด ถือเป็นนโยบายหลักในการปราบปรามผู้ลักลอบกระทำความผิดและสิ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งป้องกันการมอมเมานักศึกษาและประชาชนทั่วไป เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่า บารากู่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ตามกฎหมายแล้วยังเป็นของต้องห้ามนำเข้า เพราะไม่ได้เข้าข่ายนิยามของยาสูบตามกฎหมายสรรพสามิต ที่ไม่สามารถนำเข้ามาจำหน่ายได้

อย่างไรก็ตาม บทลงโทษของสถานบริการและผู้ที่กระทำผิด ประกอบด้วย กรณีขายหรือมีไว้เพื่อขาย โทษปรับ 15 เท่าของแสตมป์ แต่ไม่น้อยกว่า 100 บาท หากมีไว้ครอบครองเกินกว่า 500 กรัม โทษปรับ 10 เท่าของค่าแสตมป์ แต่ไม่น้อยกว่า 100 บาท กรณีลักลอบ ที่กำหนดไว้ตามพ.ร.บ. ศุลกากร พ.ศ.2469 จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับ 4 เท่าของราคา หรือทั้งจำทั้งปรับ หากสูบในเขตปลอดบุหรี่จะมีโทษตามพ.ร.บ. คุ้มครองสุขภาพของผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2539 โทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท รวมทั้งกรณีก่อให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น จะได้รับโทษตามพ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ.2535 จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

"ตามระเบียบกรมสรรพสามิตกำหนดไว้ว่า สถานที่เปิดให้บริการด้วยการจำหน่ายสุราและยาสูบ หากตรวจพบว่ามีการกระทำผิดจากการขายยาสูบบารากู่ เจ้าหน้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายและเพิกถอนใบอนุญาตทันที เพราะกรมสรรพสามิตไม่ได้ให้อนุญาตสถานบริการดำเนินการ โดยที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. แสดงความห่วงใยต่อการใช้บารากู่ ซึ่งต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหามาตรการที่เหมาะสมทางด้านสุขอนามัย เนื่องจาก บารากู่มีสารประกอบของทาร์และนิโคติน และเป็นยาสูบที่เพิ่มกลิ่นผลไม้เข้ามาเท่านั้น ทำให้เยาวชนเริ่มหันมาสูบมากขึ้น แต่เป็นอันตราย ไม่แตกต่างอะไรจากบุหรี่ ซึ่งต้องให้เจ้าหน้าที่ลงตรวจพื้นที่สถานบริการใกล้มหาวิทยาลัยอย่างเข้มงวด" นายสมชายกล่าว

อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าวอีกว่า ส่วนพิษภัยของบารากู่นั้นเมื่อผู้สูบเข้าไปจะมีโทษมากกว่าบุหรี่ถึง 6 เท่า หากสูบในปริมาณ 1 ห่อ เท่ากับการสูบบุหรี่ถึง 20 มวน ซึ่งเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง และมีสารที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น สารนิโคติน คาร์บอนมอ นอกไซด์ ในระดับที่สูง รวมทั้งอาจก่อให้เกิดโรคติดต่อจากการใช้อุปกรณ์ร่วมกัน เช่น วัณโรค การดำเนินการดังกล่าวหากเทียบกับภาษีที่ได้รับไม่ได้ส่งผลต่อการจัดเก็บของกรมสรรพสามิตมากนัก แต่จะช่วยป้องกันไม่ให้นักศึกษาและประชาชนทั่วไปไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเสพติดและไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ถือเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคมอย่างมาก เพราะผู้บริโภคไม่ต้องได้รับความเสี่ยง และเป็นการดูแลสุขภาพของประชาชนทางอ้อมอีกด้วย

 

ข่าวสด ฉบับวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2557