แกะรอย

คอลัมน์ความคิด 10 ม.ค. 58 | เข้าชม: 2,197

แกะรอยบริษัทข้ามชาติทุ่มล้มกฎหมายควบคุมยาสูบไทย

  ขณะนี้มีความพยายามอย่างเป็นระบบในการที่จะล้มร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ.....โดยบริษัทที่ปรึกษาข้ามชาติสองบริษัท  บริษัทหนึ่งเป็นบริษัทที่วิเคราะห์และรวบรวมข้อมูล  อีกบริษัทหนึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญการประชาสัมพันธ์  โดยทั้งสองบริษัทนี้มีฐานอยู่ในสหรัฐอเมริกา  แต่ได้รับการว่าจ้างส่งคนเข้ามาทำงานอย่างเป็นระบบ  ด้วยเป้าหมายที่จะยับยั้งร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ  พ.ศ......  ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขอยู่ในระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา

          น่าสังเกตว่า การเคลื่อนไหวคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ที่ออกหน้าโดยสมาคมการค้ายาสูบไทย  ซึ่งสนับสนุนโดยบริษัทบุหรี่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก  ฟิลลิป  มอร์ริส  แต่เคลื่อนไหวในนามของผู้ค้าปลีก 700,000 ราย  ทั้ง  ๆ ที่สมาชิกของสมาคมเองมีเพียง 1,200  ราย และมีออฟฟิตเป็นบ้านอยู่แถวปทุมธานี  ที่เวลากรมควบคุมโรคหรือผู้สื่อข่าวติดต่อไปตามที่อยู่ที่ปรากฏในเว็บ  คนที่มารับโทรศัพท์กลับเป็นคนในบ้านที่ไม่ค่อยรู้รายละเอียดอะไร  และตัวผู้บริหารสมาคมที่ออกมาคัดค้านผ่านสื่อต่าง ๆ แต่กลับปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์หรือออกสื่อพร้อมกับเจ้าหน้าที่กรมควบคุมโรค  จึงน่าคิดว่าสมาคมนี้เคลื่อนไหวด้วยหน้างานขนาดนี้ได้อย่างไร

        ในความเป็นจริงร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่จะส่งผลกระทบต่อร้านค้าปลีกแต่ละรายน้อยมาก  เพราะสมาคมการค้ายาสูบไทยเองระบุว่ามูลค่าการค้าสินค้ายาสูบ  เท่ากับร้อยละ 10 ของมูลค่าร้านค้าปลีกแต่ละราย ดังนั้นหากร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่มีผลทำให้ขายบุหรี่ได้ลดลงร้อยละ 10  ก็จะส่งผลให้กำไรของร้านค้าปลีกลดลงน้อยมากเมื่อเทียบกับรายได้รวม

           คิดกันง่าย ๆ  หากร้านค้าปลีกมีกำไรทั้งหมด 100  บาท จากการขายสินค้าทั้งหมด 10 บาทจะมาจากการขายบุหรี่  ถ้าหากกฎหมายฉบับใหม่ทำให้ร้านค้าปลีกมีกำไรลดลงร้อยละ 10 ของ 10 บาท  ก็คือกำไรจากการขายบุหรี่ลดลงจาก 10 บาท เหลือ 9 บาท  ซึ่งในความเป็นจริง  ยากที่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่จะสามารถทำให้ยอดขายบุหรี่ลดลงได้ถึงร้อยละ 10  หากดูข้อมูลย้อนหลังยี่สิบปีที่พบว่ายอดขายบุหรี่ยังคงที่อยู่ที่ 2,000  ล้านซองต่อปี  และจำนวนผู้สูบบุหรี่ลดลงจาก 12.3  ล้านคน  เหลือ 10.9  ล้านคนในช่วงเวลาเดียวกัน

          จึงเกิดคำถามว่า  ในเมื่อผู้ค้าปลีกยาสูบไม่ใช่ผู้ที่จะได้รับผลกระทบจากร่าง พ.ร.บ.ยาสูบฉบับใหม่มากมายอย่างที่กล่าวอ้าง  แล้วสมาคมการค้ายาสูบไทย  จริง ๆ แล้วเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของใครกันแน่ และสมาคมการค้ายาสูบไทย  มีแหล่งเงินสนับสนุนจากใครในการออกสื่อ (ซื้อสื่อ)  ได้ทุกสัปดาห์  สามารถที่จะขึ้นบิลบอร์ดขนาดยักษ์ใจกลางกรุง  มีคอลัมน์นิตย์ (มือปืน) เขียนข่าวคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ด้วยข้อมูลที่บิดเบือนในหนังสือพิมพ์เกือบทุกวัน  เมื่อทางกรมควบคุมโรคติดต่อไปถึง บก.หนังสือพิมพ์ ก็ได้รับคำตอบว่าเป็นพื้นที่ขายโฆษณา

            ประเด็นหนึ่งที่บริษัทที่ปรึกษาพีอาร์ข้ามชาติที่รับจ็อบคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ ทิ้งกลิ่นอายของคนที่คิดแบบฝรั่งมังค่า  ผ่านฝ่ายที่ออกมาคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ด้วยการเรียกร้องว่ารัฐบาล พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชาไม่ควรที่จะพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นี้  ควรจะคอยให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่มีสภาผู้แทน และวุฒิสภาพิจารณาอย่างรอบคอบ อ้างว่าเป็นกฎหมายที่ส่งผลกระทบคนจำนวนมาก  นี่ย่อมไม่ใช่ความคิดของคนไทยในการคัดค้านกฎหมายอย่างแน่นอน

            สมาคมชาวไร่ยาสูบก็ออกมาเคลื่อนไหวอย่างจริงจัง  ไม่แพ้สมาคมการค้ายาสูบไทย  ทั้งที่ร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่  ไม่มีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับชาวไร่ยาสูบ  หรือการค้ายาสูบเลย  มีการอ้างว่าชาวไร่ยาสูบ 52,000 ครอบครัวจะเดือดร้อนสาหัสจากร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่  ทั้ง ๆ ที่กว่าครึ่งหนึ่งของชาวไร่ยาสูบปลูกยาสูบเพื่อส่งออก  และเมื่อได้รับการอธิบายว่าร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่เป็นการควบคุมการโฆษณาและการตลาดของบริษัทบุหรี่ไม่มีอะไรเกี่ยวกับชาวไร่ยาสูบ ประเด็นที่สมาคมชาวไร่ยาสูบออกมาคัดค้านก็กลายเป็นว่า หากร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่กระทบผู้ผลิตบุหรี่ (ปลายน้ำ)  ก็จะส่งผลไปกระทบชาวไร่ยาสูบซึ่งเป็นต้นน้ำ  และเมื่อเครือข่ายประชาชนลงไปคุยกับสมาคมชาวไร่ยาสูบในจังหวัดทางภาคเหนือที่ขึ้นป้ายคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่  ก็ได้ความจริงมาว่ามี “บริษัทเอกชน”  สนับสนุนเงินเป็นแพคเกจสำหรับการเคลื่อนไหวคัดค้านร่างกฎหมายฉบับใหม่รวมถึงการขึ้นป้ายคัดค้านตามริมถนน

            ถ้าร้านค้าปลีกและชาวไร่ยาสูบจะได้รับผลกระทบน้อยมากจากร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่  แล้วการเคลื่อนไหวคัดค้านอย่างเอาเป็นเอาตายที่กำลังเป็นอยู่  ที่ใช้บริษัทที่ปรึกษาข้ามชาติสึงสองบริษัทกำกับการคัดค้านอยู่  ใครเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

            การวิเคราะห์หาผู้ที่จะได้รับผลกระทบที่แท้จริงจากร่าง พ.ร.บ.ใหม่คิดได้ไม่ยาก  บริษัทบุหรี่ที่ทำธุรกิจใหญ่ ๆ ในเมืองไทยมีเพียงสองบริษัทคือ โรงงานยาสูบไทยที่มีกำไรปีละ 6,000  ล้านบาท  และบริษัทฟิลลิป  มอร์ริสที่มีกำไรปีละประมาณ 3,000  ล้านบาท  หากร่าง พ.ร.บ.ฉบับใหม่ทำให้กำไรลดลงร้อยละ 10  โรงงานยาสูบไทยกำไรจะหายไป 600  ล้านบาท  ขณะที่บริษัทฟิลลิป  มอร์ริสกำไรจะหายไป 300  ล้านบาทต่อปี

            แต่โรงงานยาสูบไทยในยุค คสช.เป็นไปได้หรือที่จะเป็นผู้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาข้ามชาติสองบริษัทมาบริหารจัดการคัดค้านร่างกฎหมายควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบฉบับใหม่ โดยบอร์ดโรงงานยาสูบชุดปัจจุบันแต่ตั้งโดย คสช.

          บทสรุปคือ บริษัทบุหรี่โดยเฉพาะบริษัทข้ามชาติอยู่เบื้องหลังการสนับสนุนสมาคมผู้ค้ายาสูบและสมาคมผู้บ่ม ผู้เพาะปลูก และผู้ค้าใยบาสูบไทย  ให้ออกมาคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ยาสูบฉบับใหม่  โดยอ้างความเดือดร้อนของร้านค้าปลีกและชาวไร่ยาสูบ  แต่แท้ที่จริงแล้วเพื่อปกป้องผลกำไรของบริษัทบุหรี่เอง

            รูปแบบการคัดค้านกำกับการดำเนินการโดยบริษัทที่ปรึกษาข้ามชาติ ส่วนบริษัทบุหรี่ไหนอยู่เบื้องหลังขบวนการทั้งหมด  คงไม่ยากเกินกว่าที่จะจินตนาการต่อได้

            ที่เรารู้แน่ ๆ คือบริษัทฟิลลิป มอร์ริสว่าจ้างให้บริษัทที่ปรึกษากฎหมายข้ามชาติ Tilike & Gibbons เป็นที่ปรึกษาในการฟ้องกระทรวงสาธารณสุขต่อศาลปกครองเพื่อล้มประกาศภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ขนาด 85% และขณะนี้คดียังไม่สิ้นสุด

 

ศ.นพ.ประกิต  วาทีสาธกกิจ