เบื้องหลังโปสเตอร์ในตำนาน-กูเลิกบุหรี่แล้ว-หลวงพ่อคูณ-ปริสุทโธ

น่าเอาอย่าง 28 พ.ค. 58 | เข้าชม: 5,343

กระทั่งในปี 2539 หลวงพ่อคูณอาพาธด้วยอาการเลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ อันเนื่องมาจากการสูบบุหรี่ จึงตัดสินใจประกาศเลิกอย่างเด็ดขาด ด้วยประโยคอันลือลั่น "กูเลิกบุหรี่แล้ว"

ตอนนั้นเองที่มูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ เล็งเห็นโอกาสทองในการที่จะเชิญชวนให้คนไทยเลิกบุหรี่ จึงนำถ้อยคำดังกล่าวมาจัดทำโปสเตอร์ โดยมีหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธเป็นพรีเซนเตอร์

ต่อไปนี้คือ เรื่องราวเบื้องหลังโปสเตอร์รณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ในตำนาน

"ผมได้จำแม่นว่า ปี 2538 ขณะกำลังระดมคนให้ได้ 4,000 คน เพื่อมาเดินขบวนรณรงค์ในวันงดสูบบุหรี่โลก 31  พ.ค. ที่จุฬา ตอนนั้นเองท่านอดีตอธิการบดีจุฬาฯ อาจารย์เกษม จันทร์น้อย ก็พูดกับผมว่า "เราทำแบบนี้เหนื่อยตาย ช่วยได้ไม่กี่คนหรอก โรงงานยาสูบเขานำภาพหลวงพ่อคูณคีบบุหรี่มาเป็นพรีเซนเตอร์ จะไปสู้อะไรเขาได้ ผมว่าถ้าจะให้ดีคุณหมอไปขอให้หลวงพ่อคูณเลิกบุหรี่ได้ คนจะเลิกสูบบุหรี่กันอีกเยอะเลย"  ประโยคนั้นจุดประกายให้ผมคิดที่จะไปกราบท่านที่วัดบ้านไร่ เพื่อให้ท่านเลิกสูบบุหรี่"

คำบอกเล่าของ ศ.นพ.ประกิต  วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่

"พวกเราอยากให้หลวงพ่อคูณอยู่กับลูกหลานนาน ๆ ครับ"

หลวงพ่อซึ่งขณะนั้นอยู่ในวัย 72 หัวเราะ ก่อนบอกว่า "กูมันแก่แล้ว อีก 2 ปี อายุ 75 กูก็ละสังขารแล้ว มึงปล่อยกูไปเถอะ ไปบอกเด็กๆ มันดีกว่า"

ใช้เวลาเป็นชั่วโมงโน้มน้าวหลวงพ่อคูณ แต่ก็ไม่สำเร็จ ทีมงานจึงเลิกตื้อ แต่ขออนุญาตหลวงพ่อถ่ายรูปเพื่อไปลงโปสเตอร์รณรงค์ ท่านก็ยินดี พร้อมกล่าวเชิญชวนให้พี่น้องชาวไทยหันมาลด ละ เลิกบุหรี่ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เมื่อหลวงพ่อคูณเองยังไม่สามารถเลิกสูบบุหรี่ได้ การที่จะไปกล่าวเตือนสติให้คนมาเลิกบุหรี่นั่นช่างสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ในที่สุดโปสเ่ตอร์ดังกล่าวก็ถูกเก็บเข้าตู้ไว้เพื่อรอเวลาอันเหมาะสม

"ประมาณปี 2539 หลวงพ่อคูณท่านเกิดอาการเส้นเลือดในสมองตีบ และถูกนำส่งโรงพยาบาลรามารธิบดี หมอประเสริฐ บุญเกิด แพทย์ผู้ดูแลอาการก็อธิบายถึงสาเหตุการเจ็บป่่วยครั้งนี้ว่ามาจากการสูบบุหรี่ และแนะนำให้ท่านเลิกเสีย สุดท้ายวันที่หลวงพ่อออกจากโรงพยาบาล มีนักข่าวมารอทำข่าวเต็มไปหมด ท่านก็ประกาศต่อหน้าทุกคนเลยว่า "กูเลิกบุหรี่แล้ว" 

คำพูดคำนั้นกลายเป็นการพาดหัวของหนังสือพิมพ์หลายฉบับเลย ผมก็นำคำพูดนั้นมาไว้บนโปสเตอร์พิมพ์เผยแพร่ต่อสาธารณชนทันที ขณะเดียวกันก็บอกลูกศิษย์ท่านว่า ถ้ากลับวัดบ้านไร่ไปแล้ว ช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมภายในวัดด้วย อย่าให้ญาติโยมมาสูบบุหรี่ให้ท่านเห็น เพราะเดี๊ยวจะไปกระตุ้นท่าน ปรากฏว่าตอนขึ้น ฮ.กลับพร้อมหลวงพ่อ เห็นข้างล่างมีป้ายเบ้อเริ่มเลยว่า "วัดบ้านไร่ ห้ามสูบบุหรี่" (หัวเราะ)"

น้อยคนจะรู้ว่า สาเหตุที่หลวงพ่อคูณสูบบุหรี่จัดนั้น มีส่วนสำคัญจากญาติโยมตัวดีที่มากราบไหว้นั้นแหละ

"ขณะที่กูติดและสูบอยู่ก็มีแต่คนอยากให้กูสูบ ยัดเยียดจุดให้กูสูบ ชนิดร่วมมวนต่อมวน แทบไม่ให้กูว่างเว้นเลยทีเดียว หลังสูบได้นิดหน่อยมันก็จะขอกันยาจากกู แล้วก็จุดมวนใหญ่ให้กูสูบอีก กูก็ตอบสนองให้มัน" หลวงพ่อคูณเล่าให้ฟังเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่

ศ.นพ.ประกิต บอกว่า หลังจากนั้นเมื่อถึงวันงดสูบบุหรี่ 31 พ.ค.ทีไร หลวงพ่อคูณก็จะกล่าวเชิญชวนให้ญาติโยมเลิกสูบบุหรี่ทุกครั้ง โดยไม่ต้องขอร้องให้ท่าน กลายเป็นว่าท่านคือ พรีเซนเตอร์เรื่องการไม่สูบบุหรี่ไปในตัว

"29 ปีที่ก่อตั้งมูลนิธิรณรงค์ฯ มา หลวงพ่อคูณท่านเป็นพรีเซนเตอร์ที่ทรงพลังที่สุด โด่งดังที่สุด ยิ่งกว่าพรีเซนเตอร์ที่เป็นดาราเสียอีก อานิสสงส์ที่ท่านเลิกสูบบุหรี่ช่วยให้คนจำนวนมากพากันเลิกตามท่าน โปสเตอร์หลวงพ่อคูณเป็นโปสเตอร์ที่ผลิตเยอะที่สุดในบรรดาโปสเตอร์ที่เคยผลิตมา จนทุกวันนี้ยังมีคนมาขออยู่เรื่อยๆ

ผมคิดว่าคนที่ต้องการเลิกสูบบุหรี่ควรดูท่านเป็นตัวอย่าง หัวใจท่านเด็ดเดี่ยวมาก ท่านเลิกเด็ดขาดครั้งเดียวเลย อย่างที่ท่านบอกว่า "จะเลิกบุหรี่ต้องอยู่ที่ใจ เป็นคนใจไม่จริงก็ละไม่ได้ ต้องเป็นคนใจเด็ดขาด พูดคำไหนคำนั้นถึงจะละได้ทำได้ วิธีละง่าย ๆ ก็อย่าสูบ วางเลย ทิ้งเลย ไม่ต้องสูบทั่งต่อหน้าและลับหลัง กูละแล้ว กูไม่สูบแล้ว"

เนื่องในโอกาสวัดงดสูบบุหรี่โลก 31 พ.ค.นี้ มูลนิธิรณรงค์ฯ จึงขอเชิญชวนให้คนไทยทุกคนลด ละ เลิกสูบบุหรี่ เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวเองและคนรอบข้าง โดยนำประโยคของหล่วงพ่อคูณ ปริสุทโธ เมื่อปี 2540 มาเป็นคำสอนเตือนสติสิงห์อมควันทั้งหลายดังนี้

"ถ้าใครเลิกสูบบุหรี่ได้กูก็เห็นด้วย เนื่องจากขณะนี้ไปที่ไหนๆ ก็เห็นป้ายที่เขาติดเอาไว้ให้ "งดสูบบุหรี่" ซึ่งมันกลายเป็นที่รังเกิียจของวงสังคมไปเสียแล้ว นอกจากเขาจะไม่มองว่าเท่ห์หรือมาดแมนเหมือนดังเช่นแต่ก่อนแล้ว ยังกลับถูกมองแบบเยาะเย้ยหยันถึงขนาดความเกรงใจ และด่าว่าให้เอาซะอีกด้วยซ้ำไป ซึ่งทำลายสุขภาพของตัวเอง ยังไม่พอยังเป็นอันตรายและเป็นการทำลายสุขภาพบุคคลอื่น ๆ ที่อยู่รอบข้างตัวเราอีกด้วย

วันนี้กูเลิกแล้ว พวกมึงล่ะเลิกหรือยัง"

โดย...อินทรชัย  พาณิชกุล